ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลกินเจ เป็นเทศกาลที่สำคัญที่หนึ่งอย่างที่คนไทยเชื้อสายจีนต่างให้ความสำคัญ เพราะถือเป็นประเพณีและรูปแบบความเชื่อของกลุ่มคนเชื้อสายจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานาน โดยเชื่อว่าผู้ที่ถือศีลกินเจจะได้บุญจากการละเว้นกินเนื้อสัตว์ พร้อมทั้งได้ดีท็อกซ์ร่างกายไปในตัว และคนไทยหลายๆ คนก็เห็นถึงประโยชน์จากเทศกาลนี้ จึงทำให้เทศกาลนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะนำเอาประวัติความสำคัญ วิธีถือศีลกินเจอย่างไรให้ได้บุญ พร้อมทริคสิ่งที่ควรทำเพิ่มความปังในการกินเจ มาฝากทุก ๆ คนกัน พร้อมแล้วไปดูกันเลย
เทศกาลกินเจ 2565 ปีนี้ตรงกับวันที่ 26 กันยายน - 4 ตุลาคม 2565 รวมเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งบางท่านอาจจะล้างท้องในมื้อเย็นวันที่ 25 กันยายน รวมเป็น 10 วันก็ได้ ซึ่งหากนับตามปฏิทินจันทรคติจีน ก็จะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จนไปสิ้นสุดในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุก ๆ ปีเทศกาลกินเจ
คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล 8” ของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่จะมีการรักษาอุโบสถศีล ไม่บริโภคอะไรหลังเที่ยงวันตามหลักศีล 8 ข้อ และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต ช่วงหลังจึงเรียกคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ว่า “กินเจ” ไปด้วย แต่ถึงกระนั้นการกินเจไม่ใช่เพียงแต่งดเนื้อสัตว์ อาหาร และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ แต่ยังรวมถึงการรักษาศีล ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อีกด้วย
ช่วงเวลาเทศกาลกินเจ
ช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน
เทศกาลกินเจ เริ่มตั้งแต่วันที่เท่าไหร่
เริ่มวันที่ 26 กันยายน - 4 ตุลาคม 2565 บางท่านอาจจะล้างท้องตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนในมื้อเย็น ก็สามารถทำได้
เหตุผลที่ต้องกินเจ
1. กินเจ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจถือเป็นอาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ล้างพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนจีนเชื่อว่า เนื้อสัตว์เป็น “หยิน” และผักผลไม้เป็น “หยาง” โดยธรรมชาติคนเรามักทานเนื้อสัตว์เยอะกว่าผักผลไม้ การงดทานเนื้อสัตว์จึงเป็นการปรับให้หยินและหยางสมดุลมากยิ่งขึ้นด้วย
2. กินเจ เพื่อทำบุญ เพื่อชำระล้างใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ทำให้จิตใจเราผ่องใสมากขึ้น เมื่อเราทราบว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ดี ก็จะส่งผลต่อจิตใจที่เบิกบาน เป็นสุขขึ้น
3. กินเจ เพื่อละเว้นกรรม ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือแม้กระทั่งการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค หากเราทราบว่าการงดบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่น เราก็จะช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้น
ทำไมต้องล้างท้อง
การล้างท้องหมายถึง เริ่มกินเจก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลจริง 1-2 วันเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับสภาพ และทำความคุ้นเคยกับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น
ธงเจ มีความหมายอย่างไร
• ตัวอักษรภาษาจีน อ่านว่า “ไจ” หรือ “เจ” หมายถึง “ของไม่มีคาว”
• ตัวอักษรสีแดง หมายถึง ความเป็นสิริมงคลในชีวิต พื้นหลังสีเหลือง หมายถึง สีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล
• ธงเจจึงเป็นสัญลักษณ์ของการกินเจ และเป็นเครื่องยืนยันย้ำเตือนพุทธศาสนิกชนให้หันมาเตรียมตัวร่วมเทศกาลกินเจด้วยกัน
นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว ห้ามกินอะไรบ้าง
➢ ผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ กระเทียม (ไม่ดีต่อหัวใจ), หอมใหญ่ แดง ขาว ต้นหอม (ไม่ดีต่อไต), หลักเกียว ผักของจีน มีลักษณะคล้ายกระเทียมโทน (ไม่ดีต่อม้าม), กุยช่าย (ไม่ดีต่อตับ) และ ใบยาสูบ (ไม่ดีต่อปอดเมื่อใช้สูบ) นอกจากนี้ผักชนิดไหนที่มีกลิ่นฉุนก็ไม่ควรทานระหว่างช่วงกินเจด้วย
➢ นม เนย น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
➢ อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด
➢ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
➢ ใครที่กินเจจริงจัง ห้ามทานอาหารบนภาชนะที่ใช้ร่วมกับผู้ที่ไม่ได้กินเจ และต้องทานอาหารที่ปรุงจากคนที่กินเจด้วยกันเท่านั้น
อาหารที่ทานได้
➢ ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นม เนย หรือครีมเทียม
➢ วิตามินเสริมอัดเม็ด ที่ไม่มีสารสกัดจากสัตว์
➢ ขนมกรุบกรอบ ที่ไม่มีส่วนผสมของสัตว์
➢ พริกไทย เป็นสมุนไพร (แต่หากรู้สึกว่ามีกลิ่นฉุน สามารถเลี่ยงได้)
➢ ขนมปัง (ที่เป็นขนมปังเจ หรือไม่มีส่วนผสมของนม)
➢ มาม่า หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (สูตรเจเท่านั้น)
➢ แต่งหน้า และฉีดน้ำหอม (สำหรับคนถือศีล 5 หากถือศีล 8 จะทำไม่ได้)
กินเจทานอาหารเหล่านี้ได้ แต่ไม่แนะนำ
➢ น้ำอัดลม (ไม่มีข้อห้าม แต่น้ำตาลสูงเกินไป)
➢ ผงชูรส (แม้จะทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลจากอ้อย แต่ผงปรุงรสอาหารอื่นๆ มักผสมเนื้อสัตว์)
➢ ช็อคโกแลต (ส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนผสม แต่หากทานดาร์คช็อคโกแลต 100% ก็สามารถทำได้ แต่หายาก)
เตรียมตัวอย่างไรกับเทศกาลกินเจ
➢ ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง เพราะจะทำให้ร่างกายและพลังธาตุถูกทำลาย ร่างกายเกิดการกระตุ้นจากรสของอาหารนั้นๆ ได้แก่ หัวหอม ต้นหอม ใบหอม หลักเกียว กุ้ยช่าย กระเทียม ใบยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา) หมายถึงต้องงดสูบบุหรี่และกินเหล้าในช่วงที่ถือศีลกินเจนี้ด้วย
➢ ห้ามกินเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีส่วนผสมหรือส่วนประกอบ หรือเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งจากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นไขมันสัตว์ ไข่ เลือด อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์
➢ ห้ามกินอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะเป็นทั้งเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด หรือเปรี้ยวจัดก็ตาม เพราะอาหารที่มีรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นผลให้จิตใจไม่สงบในช่วงถือศีล กินเจนี้
➢ ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ ข้อนี้แหละที่ทำให้คนถือศีลกินเจต้องไปอยู่รวมกันในสถานที่ที่มีคนกินเจรวมตัวกันอยู่ อย่างเช่นโรงทาน ศาลเจ้าต่างๆ ที่จัดงาน เพราะคนที่ทำหน้าที่ทำอาหารนั้นจะถือศีลด้วย
➢ ถ้วยชามที่ใช้ใส่อาหารจะต้องไม่ปนกัน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนชีวิตใคร ต้องแต่งกายด้วยชุดขาว ห้ามพูดคำหยาบ โกหก ยุยง ส่อเสียด หรือพูดจาไม่เป็นสาระ
➢ ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา ในช่วงที่ถือศีลกินเจตลอด 9 วัน
➢ ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ในสถานที่อย่างศาลเจ้า โรงเจ โรงทาน หรือสถานที่ที่จัดงานถือศีลกินเจ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงเอาไว้ตลอดวันตลอดคืน จึงต้องมีคนเฝ้าไม่ให้ตะเกียงนั้นดับ
นอกจากการละเว้นเนื้อสัตว์ และการถือศีลแล้ว มาเสริมความเป็นสิริมงคลในชีวิตด้วยการไหว้สักการะขอพร ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง ซึ่งวันนี้เราก็ไปพลาดที่จำนำเทคนิคการไหว้ขอพรมาฝากกัน
ของไหว้ (ทางศาลไต้ฮงกงมีให้บริการ)
• ธูป
• เทียนแดงก้านไม้
• กระดาษเงิน-ทอง
• น้ำมันตะเกียง
ขั้นตอนการไหว้
➢ สำหรับการสักการะหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ให้จุดธูป 8 ดอก เทียน 1 คู่
➢ โดยจุดที่ 1 คือการสักการะเทพยดาฟ้าดิน (ทีกง) ในจุดนี้ เปรียบเสมือนเป็นการเริ่มต้น เหมือนเป็นการรายงานตัวว่าเรานั้นได้มาไหว้ ณ ศาลแห่งนี้ และขอให้การมาไหว้ อธิษฐานขอพรในครั้งนี้มีความราบรื่น เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว ให้คำนับ 3 ครั้ง แล้วจึงปักธูปที่เตรียมไว้ เป็นจำนวน 5 ดอก
➢ จุดที่ 2 การสักการะหลวงปู่ไต้ฮงกง ให้ใช้ธูป 3 ดอก เป็นการถวายให้กับองค์ไต้ฮงกง สำหรับหลวงปู่ไต้ฮงกงนั้น ท่านเป็นพระสงฆ์ในสมัยราชวงศ์ซ่ง นับว่าเป็นพระสงฆ์ที่เป็นต้นแบบของงานสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้คน ช่วยเหลือศพไร้ญาติที่เสียชีวิตภัยพิบัติ โรคระบาด นำศพไปฝังโดยไม่รังเกียจ ทั้งยังตั้งศาลารักษาโรค และจัดหาของช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน จนมีผู้คนให้ความเคารพนับถือ ซึ่งหลวงปู่ไต้ฮงกงนับว่าเป็นต้นแบบที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำมายึดหลักในการปฏิบัติงานนั่นเอง
สำหรับการขอพรองค์ไต้ฮงกงนั้น สามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญในการที่จะได้รับพรจากหลวงปู่ไต้ฮงกง คือการปฏิบัติตัวที่ดี ตั้งใจทำความดี ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ผู้ที่เดือดร้อน เหมือนกับหลวงปู่ไต้ฮงกงนั่นเอง เมื่อเสร็จสิ้นการสักการะแล้ว ให้ถวายชุดของไหว้ ได้แก่กระทงกระดาษเงิน กระดาษทอง ต่อด้วยการเติมน้ำมันตะเกียง ซึ่งเปรียบเสมือนกับการเติมแสงสว่างให้กับชีวิตเทศกาลบุญใหญ่ทั้งทีไม่เพียงแค่การกินเจปกติ หรือแค่การขอพรองค์ไต้ฮงกง สายมูจัดหนักอย่างเราต้องมีสิงที่ควรทำเพิ่มเติมเสริมความปังสักหน่อย
สิ่งที่ควรทำในช่วงกินเจที่รับรองว่าทำแล้วมีแต่รุ่ง
1. กินเจด้วยความเต็มใจ หากใครต้องการจะกินเจ ควรจะกินด้วยความเต็มใจ และมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ตามกระแส หรือกินเพราะโดนบังคับ โดยเราจะต้องกินเจด้วยความรู้สึกที่อยากเว้นการฆ่าสัตว์ อยากมีสุขภาพดี และเพื่อการทำบุญ ทำให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ จึงจะได้บุญจริงๆ
2. ไม่บ่นเรื่องรสชาติ เนื่องจากการกินเจ เครื่องปรุงจะหายไปค่อนข้างเยอะ ทำให้อาหารเจมักมีรสชาติที่ไม่อร่อยเท่าอาหารปกติที่เราเคยทานในประจำวัน ยิ่งหากเป็นคนที่โดยปกติชอบทานอาหารรสจัด ก็จะยิ่งรู้สึกว่าไม่อร่อย ทำให้บางคนอาจเผลอบ่นหรือพูดว่า อาหารเจไม่อร่อย แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ทานเพื่ออร่อย แต่เราทานเพื่อสุขภาพ และเป็นการทำบุญ ฉะนั้นห้ามบ่นเด็ดขาด เพราะจะทำให้ได้รับบุญไม่เต็มที่นั่นเอง
3. ไม่งก หรือบ่นเรื่องราคา ช่วงเทศกาลกินเจของทุกปีนั้น อาหารเจที่ขายทั่วไปตามท้องตลาดมักจะมีราคาที่แพงกว่าอาหารทั่วไป จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับราคาอาหารที่แพงขึ้น และไม่ควรบ่น หากใครมีกำลังทรัพย์ที่ไม่มาก แนะนำให้ซื้อวัตถุดิบทำเองเพื่อการประหยัดแทนการบ่นเรื่องราคานั่นเอง
4. รักษาวินัย ด้วยรสชาติที่ไม่อร่อยทำให้บางคนอาจจะผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย โดยคิดว่าจะชดเชยวันอื่น แต่การกินๆ หยุดๆ นอกจากจะไม่ได้บุญแล้ว ยังไม่เป็นการกินเพื่อสุขภาพอีกด้วย จะต้องฝึกตัวเองให้มีวินัย และตั้งใจกินเจให้ครบวัน หรือหากต้องการกินต่อไปเรื่อยๆ แม้จะเลยวันไปแล้วก็ยิ่งดีกับตัวเรา
5. ถือศีลเคร่งครัด แน่นอนว่าคำนี้เป็นของคู่กัน คือ “ถือศีล กินเจ” เมื่อเรากินแต่ของดีๆ ไม่เบียดเบียนสัตว์แล้ว เราก็จะต้อง พูดดี ทำดี ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีควบคู่ไปด้วย เน้นว่าต้องรักษาศีล 5 ให้ครบ หรือถ้าใครถือศีล 8 ได้เลยก็ยิ่งดี โดยการถือศีลนี้จะช่วยให้คุณมีทั้งร่ายกาย และจิตใจที่บริสุทธิ์ เป็นเกราะป้องกันภัยได้ดี
6. ออกโรงทาน + กินเจด้วยรอยยิ้ม ช่วงที่เรากินเจจะเป็นช่วงที่จิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุด การแชร์ความสุข และรอยยิ้มก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองครีเอตเมนูเจใหม่ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะทำกินเอง หรือแบ่งปันให้คนรอบข้างพร้อมรอยยิ้มดูสิคะ แถมจะเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ขึ้นถ้าการแบ่งปันนี้สามารถเป็น “การออกโรงทาน” ด้วยอาหารเครื่องดื่มที่สั่งมาหรือเราปรุงเองก็ได้ ลองทำดูแล้วจะรู้สึกใจฟูสุดๆ
7. งดการปาร์ตี้สังสรรค์ในที่อโคจร ในช่วงที่กินเจ นอกจากจะละเว้นเนื้อสัตว์แล้ว สิ่งที่ควรทำคือ การไม่ออกไปเจอสิ่งเร้าพวกอบายมุขตามผับ บาร์ ที่จะทำให้คุณหลุดจากการถือศีลได้ เน้นว่าควรงดดื่มสุรา และของมึนเมาทุกชนิด งดสูบบุหรี่ รวมถึงงดการแสดงกิริยาท่าทางที่เกินงามในที่อโคจรด้วย
8. ทำบุญด้วยการไถ่ชีวิตสัตว์ ในช่วงที่เรากำลังถือศีลกินเจ หากเรามีเวลา แนะนำให้ไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือ หรือปล่อยปลาหน้าเขียง เพราะการทำบุญทำทานด้วยการต่ออายุให้สัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่านับเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ จะช่วยเติมเต็มช่วงกินเจนี้ให้เราได้บุญจัดเต็มขึ้นไปอีก
สุดท้ายขอให้ผลบุญจากเทศกาลกินเจในปีนี้ ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของทุก ๆ คนราบรื่นไม่ติดขัด ปัง ๆ เฮง ๆ กันถ้วนหน้า และเจอกันใหม่กับเรื่องราวของดวงชะตา และความเชื่อกันในครั้งต่อไปลงทุนเดิมพันอย่างมั่นใจโดยทีมงานคุณภาพที่ดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมงที่ สล๊อตออนไลน์ฟรีคลิกที่นี่